ราชกิจจาฯ ประกาศล่าสุด คำสั่ง ศบค. กำหนด 20 จังหวัดพื้นที่ควบคุม 17 จังหวัดเฝ้าระวังสูง และ 35 จังหวัดเฝ้าระวัง มีผล 1 ก.พ.นี้
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ที่ 2/2564 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กําหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป เป็นคราวที่ 9 จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 นั้น
เพื่อให้การบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดระลอกใหม่ ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามแนวทางการจัดเขตพื้นที่สถานการณ์ตามข้อกําหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในข้อ 4 (2) ของคําสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กํากับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อํานวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 โดยคําแนะนําของ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 กระทรวงมหาดไทย
จึงมีคําสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงาน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรการตามข้อกําหนด ๆ สําหรับเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กําหนด เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้ายคําสั่งนี้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น
สั่ง ณ วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อํานวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19
บัญชีรายชื่อจังหวัดที่กําหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ แนบท้ายคําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ที่ ๒/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔
พื้นที่ควบคุม
๑. จังหวัดกาญจนบุรี ๒. จังหวัดจันทบุรี ๓. จังหวัดฉะเชิงเทรา ๔. จังหวัดชลบุรี ๕. จังหวัดตราด 5. จังหวัดตาก ๗. จังหวัดนครนายก ๔. จังหวัดนครปฐม ๔. จังหวัดปราจีนบุรี ๑๐. จังหวัดเพชรบุรี ๑๑. จังหวัดระยอง ๑๒. จังหวัดราชบุรี ๑๓. จังหวัดลพบุรี ๑๔. จังหวัดสมุทรสงคราม ๑๕. จังหวัดสระแก้ว ๑๖. จังหวัดสระบุรี ๑๗. จังหวัดสิงห์บุรี ๑๘. จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๙. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๒๐. จังหวัดอ่างทอง
รวมทั้งสิ้น ๒๐ จังหวัด
พื้นที่เฝ้าระวังสูง
๑. จังหวัดกําแพงเพชร ๒. จังหวัดชัยนาท ๓. จังหวัดชัยภูมิ ๔. จังหวัดชุมพร
จังหวัดนครราชสีมา 5. จังหวัดนครสวรรค์ ๗. จังหวัดนราธิวาส ๘. จังหวัดบุรีรัมย์ ๔. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๑๐. จังหวัดพังงา ๑๑. จังหวัดเพชรบูรณ์ ๑๒. จังหวัดยะลา ๑๓. จังหวัดระนอง ๑๔. จังหวัดสงขลา ๑๕. จังหวัดสุโขทัย ๑๑. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๑๗. จังหวัดอุทัยธานี รวมทั้งสิ้น ๑๗ จังหวัด
พื้นที่เฝ้าระวัง
๑. จังหวัดกระบี่ ๒. จังหวัดกาฬสินธุ์ ๓. จังหวัดขอนแก่น ๔. จังหวัดเชียงราย ๕. จังหวัดเชียงใหม่ 5. จังหวัดตรัง ๗. จังหวัดนครพนม ๔. จังหวัดนครศรีธรรมราช ๔. จังหวัดน่าน ๑๐. จังหวัดบึงกาฬ ๑๑. จังหวัดปัตตานี ๑๒. จังหวัดพะเยา ๑๓. จังหวัดพัทลุง ๑๔. จังหวัดพิจิตร ๑๕. จังหวัดพิษณุโลก ๑๖. จังหวัดแพร่ ๑๗. จังหวัดภูเก็ต ๑๘. จังหวัดมหาสารคาม ๑๙. จังหวัดมุกดาหาร ๒๐. จังหวัดแม่ฮ่องสอน ๒๑. จังหวัดยโสธร ๒๒. จังหวัดร้อยเอ็ด ๒๓. จังหวัดลําปาง ๒๔. จังหวัดลําพูน ๒๕. จังหวัดเลย ๒๖. จังหวัดศรีสะเกษ ๒๗. จังหวัดสกลนคร ๒๘. จังหวัดสตูล ๒๙. จังหวัดสุรินทร์ ๓๐. จังหวัดหนองคาย ๓๑. จังหวัดหนองบัวลําภู ๓๒. จังหวัดอํานาจเจริญ ๓๓. จังหวัดอุดรธานี ๓๔. จังหวัดอุตรดิตถ์ ๓๕. จังหวัดอุบลราชธานี รวมทั้งสิ้น ๓๕ จังหวัด
ที่มา – ราชกิจจานุเบกษา www.ratchakitcha.soc.go.th