ช่วงกรีนซีซั่น หรือฤดูฝน หลายๆ พื้นที่ในประเทศไทย รวมทั้งจังหวัดยโสธรและอุบลราชธานี จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจหลากหลาย และเป็นช่วงที่มีงานประเพณีออกพรรษาที่หาชมได้ยาก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถไปร่วมกิจกรรมเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แปลกใหม่ได้
นางธนภร พูลเพิ่ม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี (รับผิดชอบพื้นที่อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และยโสธร) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28 กันยายน-3 ตุลาคม 2563 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกิจกรรมในงานบุญออกพรรษาที่เป็นประเพณีเก่าแก่และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย คือ งานบุญประเพณีจุดไฟตูมกาออกพรรษา ที่จังหวัดยโสธร
สำหรับงานบุญดังกล่าว มีที่มาจากบ้านทุ่งแต้ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งใน ต.ทุ่งแต้ อ.เมือง จ.ยโสธร ได้ร่วมกันฟื้นฟูภูมิปัญญาในงานประเพณีในอดีตซึ่งเลือนหายไปพร้อมกับการมีไฟฟ้าใช้ของชุมชน นั่นคือการจุด “ไฟตูมกา” ในวันออกพรรษา
การจุดไฟตูมกา เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนบ้านทุ่งแต้ที่สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน โดยการนำผลตูมกาผลไม้ป่าที่มีรูปทรงกลมคล้ายผลส้มขนาดเท่ากำปั้น หรือโตกว่า มีก้านยาวและมีลักษณะพิเศษคือเปลือกบางโปร่งแสง เมื่อขูดเอาผิวสีเขียวออกและคว้านเอาเนื้อและเมล็ดข้างในออกหมดแล้ว ใช้มีดแกะเป็นลายต่างๆ ตามความต้องการ หลังจากนั้นจุดเทียนสอดขึ้นไปจากรูที่เจาะไว้ส่วนล่างของผลตูมกา แสงสว่างจากเปลวเทียนก็จะลอดออกมา เป็นลวดลายตามรูที่เจาะไว้
โดยในคืนออกพรรษาชาวบ้านจะจุดเทียนจากที่บ้านหิ้วก้านตูมกาไปรวมกันที่วัด ซึ่งรูปทรงของผลตูมกาที่ออกแบบมามีความพิเศษคือแม้จะมีลมพัด เทียนก็จะไม่ดับ เมื่อเทียนจะหมดก็เปลี่ยนเล่มใหม่ได้ เมื่อไปถึงที่วัดก็จะนำไฟตูมกาไปแขวนไว้ตามสถานที่ที่ทางวัดจัดไว้ เช่น ซุ้มไม้ไผ่หรือราวไม้สำหรับแขวนก้านตูมกา แล้วร่วมสวดมนต์ใหว้พระตามวิถีของชาวพุทธ ถวายเป็นพุทธบูชาในวันออกพรรษา
ปีนี้จังหวัดยโสธรได้ยกระดับงานประเพณีจุดไฟตูมกาให้ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 กันยายน- 2 ตุลาคม 2563 บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองยโสธร นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจกับความระยิบระยับตระการตาของแสงไฟตูมกานับหมื่นดวงที่จุดเป็นพุทธบูชา พร้อมกับชมการฟ้อน “เพลินใจ ไฟตูมกา” จากนางรำนับพันคน รวมทั้งกิจกรรมสาธิต การแกะลายไฟตูมกา และกิจกรรมทางวัฒนธรรมอื่นๆ อีกมากมาย
ส่วนในวันที่ 2 ตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นวันออกพรรษา จะมีขบวนแห่ไฟตูมกาตามแบบวิถีชุมชนไฟตูมกา บ้านทุ่งแต้ ต.ทุ่งแต้ อ.เมือง จ.ยโสธร เพื่อประกอบพิธีจุดไฟตูมกาถวายเป็นพุทธบูชาที่วัดบูรพาบ้านทุ่งแต้ต่อไป
นอกจากจะได้ร่วมงานบุญออกพรรษาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางในพื้นที่เชื่อมโยงได้อย่างคุ้มค่า อาทิ เส้นทางย้อนรอยเมืองสิงห์ท่า ค้นหาอดีตเมืองยโสธร, ชมโบสถ์ไม้บ้านซ่งแย้ อ.ไทยเจริญ, หัตถกรรมหมอนขวาน ผ้าขิดบ้านศรีฐาน, พิพิธภัณฑ์มาลัยข้าวตอก ที่วัดหอก่อง อ.มหาชนะชัย หรือวิมานพญาแถน เป็นต้น รวมทั้งซื้อของฝากขึ้นชื่อของเมืองยโสธร เช่น ปลาส้ม หมอนขวานผ้าขิด เครื่องจักสาน เพื่อเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ภายในงานและทุกพื้นที่จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด นับตั้งแต่ขอให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวมใส่หน้ากากอนามัย การวัดอุณหภูมิ การทำจุดเพื่อเว้นระยะห่างในการนั่งหรือยืน การติดตั้งเจลล้างมือเพื่อทำความสะอาด เพื่อความปลอดภัยทางด้านสุขภาพของทุกคน
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ในช่วงเดือนกันยายนของทุกปี ในพื้นที่แก่งลำดวน ซึ่งเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าอุบลราชธานี อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จะมีปรากฏการณ์ของกุ้งก้ามขน หรือ Macrobrachium Dienbienphuense จำนวนนับแสนตัว พากันเดินขบวนไปวางไข่ และบางช่วงที่มีน้ำมาก กุ้งว่ายทวนน้ำไปไม่ไหว จำต้องปีนป่ายไปบนก้อนหินทรายเพื่อคืบคลานไปข้างหน้า กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในธรรมชาติที่ไม่ค่อยได้พบเจอ และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
สำหรับการไปชมกุ้งเดินขบวนนั้น ต้องไปตอนกลางคืน โดยนักท่องเที่ยวต้องมีไฟฉายไปด้วย และห้ามนำอาหารไปกิน ต้องเดินด้วยความระมัดระวังเพราะพื้นลื่น และทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ผู้สนใจไปชมปรากฏการณ์นี้ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าอุบลราชธานี โทร. 0-4541-0040
นอกจากมาชมกุ้งเดินขบวนแล้ว ในจังหวัดอุบลราชธานีบริเวณใกล้เคียงกันยังมีแหล่งท่องเที่ยวในฤดูฝน โดยเฉพาะน้ำตกต่างๆ ซึ่งมีน้ำมาก มีความสวยงาม ฉ่ำเย็น สร้างความสดชื่นแก่ผู้มาเยือน อาทิ “น้ำตกแสงจันทร์” หรือ “น้ำตกลงรู” หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว Unseen In Thailand มีลักษณะพิเศษคือ สายน้ำตกจะไหลผ่านหน้าผาที่เป็นปล่องหิน ทำให้เหมือนน้ำไหลลงไปในรู บริเวณโดยรอบของน้ำตกแห่งนี้มีทั้งโขดหินน้อยใหญ่เรียงรายกันสวยงามและต้นไม้นานาพันธุ์ ดูคล้ายกับสวนญี่ปุ่น บริเวณเบื้องล่างเป็นถ้ำ สามารถตั้งแคมป์ได้ โดยน้ำตกแห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี
“น้ำตกสร้อยสวรรค์” อยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลจากหน้าผาสูงชันสองด้าน ตกลงมาบรรจบกัน มีลักษณะคล้ายสายสร้อย ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขง สูงประมาณ 20 เมตร มีน้ำไหลตลอดปี เป็นน้ำตกที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวกันมาก สามารถมองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำโขง ผืนป่าและหน้าผาหินฝั่งลาวได้อย่างชัดเจน
“น้ำตกห้วยหลวง” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย คนท้องถิ่นเรียกกันว่า “น้ำตกบักเตว” เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ เกิดจากลำธารห้วยหลวง อยู่เลยที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอยไปทางใต้ 3.5 กิโลเมตร สามารถเข้าถึงได้สะดวกโดยรถยนต์ มีความสูงประมาณ 45 เมตร ไหลผ่านหน้าผาลงสู่เบื้องล่าง มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ พื้นน้ำเป็นสีเขียวมรกตและมีหาดทรายขาวสะอาด เหมาะสำหรับการลงเล่นน้ำ ด้านบนมีจุดชมทิวทัศน์และถ่ายภาพ ด้านล่างมีบันไดสำหรับขึ้นลงจำนวน 272 ชั้น
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี กล่าวต่อว่า นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาในพื้นที่นี้ด้วยความสะดวกสบาย โดยเฉพาะในวันธรรมดา และในสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดอุบลราชธานี ยังมีมาตรการรักษาสุขอนามัยตามมาตรฐานทางด้านสาธารณสุข ทั้งการให้สวมหน้ากากอนามัย ตรวจวัดไข้ มีอุปกรณ์ล้างมือ และลงชื่อเข้าชมเพื่อรักษาระยะห่างและความหนาแน่นอย่างเคร่งครัด
ผู้สนใจ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี (รับผิดชอบในพื้นที่อุบลราชธานี อำนาจเจริญ และยโสธร) โทรศัพท์ 0-4524-3770 และติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวได้ที่ Facebook: Tat UbonRatchathani
สรณะ รายงาน