ดราม่า “เซฟพิมรี่พาย” อุตลุดกระจุยกระจาย หลัง น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ “พิมรี่พาย” ไปขุดเจาะน้ำบาดาลเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านใน ต.ดู่ลาด อ.ทรายมูล จ.ยโสธร ควักเงินส่วนตัวไปประมาณ 2 แสนบาท
เกิดข้อกังขา เปรียบเทียบกับการทำงานของหน่วยงานราชการ ไม่ต่างจากกรณีติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ให้เด็กๆบนดอย บ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
งานนี้แม่ค้าฝีปากกล้าโต้ตอบดุเดือด “ไม่กล้าขุดลึกกลัวเจอนรก”
ย้อนศรมนุษย์ราชการ นักการเมืองพันธุ์ไดโนเสาร์ ที่ออกอาการสะดุ้งหัวร้อน เหมือนโดนคุ้ยเขี่ยวงจรอุบาทว์ของระบบราชการไทย มีอำนาจบารมีแต่ไม่มีวิธีช่วยเหลือชาวบ้านแบบง่ายๆ เร็วๆ แถมยังฉาวโฉ่เรื่องหักหัวคิว กินค่านายหน้างบประมาณชาติ
หันไปดูผู้มีบารมีเบ่งบานงานชุก พี่ใหญ่ 3 ป. “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วันก่อนเรียกประชุมกลุ่ม ก๊วน กทม. เพื่อเตรียมพร้อมเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
ส่งสัญญาณหนุน “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ที่จ่อลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ
งานนี้ “บิ๊กป้อม” มอบดาบให้ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นโต้โผจัดการงานเมืองหลวง สมใจเจ้าตัวที่จ้องจะคอนโทรลสนามนี้มานาน
ก่อนหน้านี้ต้องงัดข้อกับ “เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ ที่คุมพื้นที่ กทม.ของพรรค แต่วันนี้ชัดแจ้งแล้วว่า “บิ๊กป้อม” ถือหางฝ่ายไหน
ตอนนี้คนที่บารมีเบ่งบานเป็นเบอร์ 2 ในพลังประชารัฐ “ผู้กองนัส” นอนมาชนิดไร้คู่แข่ง ส่วนเพาเวอร์ในรัฐบาลไม่ต้องพูดถึง ตำแหน่ง รมช. แต่เบอร์ใหญ่กว่า รมว.หลายคน กลายเป็นผู้มากบารมีตัวจริง
แว่วว่าเวทีประชุมภาค กทม. “ผู้กองนัส” เป็นคนสั่งการให้ระดับบิ๊ก กทม.รายหนึ่ง พาบรรดาผู้แทนเมืองกรุงพร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. และหัวคะแนน ไปที่บ้านป่ารอยต่อฯ ร่วมประชุมวางเกมเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
สั่งการเข้มข้นถึงลูกถึงคน ส่วน “บิ๊กป้อม” นั่งเป็นพระประธานพยักพเยิดเห็นด้วยเท่านั้น
แต่ผู้ร่วมประชุมหลายคนส่ายหัวไม่เห็นด้วยกับแนวทางสุ่มเสี่ยงโลดโผนตามสไตล์ “ผู้กองนัส” หวั่นสนามเมืองหลวงจะแพ้ฟาวล์ ส่งผลกระทบลามปามไปถึงสนามเลือกตั้งใหญ่
กระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ เบอร์ 1 เบอร์ 2 มากำกับสั่งการเองขนาดนี้
ชั่วโมงนี้ “ผู้มากบารมี” อย่างเป็นทางการ ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ ข่าวซุบซิบนินทาถึงขนาดบุกไปกระทรวงอื่น เข้าพบ “รมว.ป้ายแดง” โดยมิได้นัดหมาย ขอตำแหน่งเลขาฯ ที่ปรึกษา รมว. กันซึ่งหน้า
น่าสงสาร รมว.ป้ายแดง สะโอดสะอง ตกอยู่ในดงเสือ สิงห์ นอกจากเจออิทธิฤทธิ์ “ผู้มากบารมี” แล้ว ยังต้องเจอ “รมช.ผู้อาวุโส” ในกระทรวงเดียวกัน แยกเขี้ยวขู่กรรโชกหน่วยงานไปดูแลเพิ่ม
รัฐบาลนี้ใครใหญ่ใครอยู่ ใครใกล้ชิดผู้มีอำนาจบารมีคนนั้นรอด
จับอาการความเคลื่อนไหวของ “ผู้มากบารมี” แล้วน่าสนใจแต่ “ไม่ปกติ” กำลังเดินเกมการเมืองแบบ “หนักหน่วง” ตามบัญชาของ “แบ๊กอัป” ระดับบิ๊กเบิ้ม
เหมือนกำลังปูทางทำพรรครองรับเลือกตั้งใหญ่ สอดรับกับจังหวะเคลื่อนของมือกฎหมายนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ชงแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา 5 ประเด็น ท่ามกลางเสียงก่นด่าสับขาหลอก แต่ก็แฝงมาด้วยเสียงฮือฮา พลังประชารัฐขอแก้ระบบเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ เขต 400 คน ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน
เจอมุกนี้เข้าไปคนที่ตาลุกวาวไม่ใช่ใคร พรรคเพื่อไทยขวัญใจรากหญ้า อยากได้บัตร 2 ใบใจจะขาด
แต่ต้องกระมิดกระเมี้ยนเก็บอาการไว้ก่อน
“ไพบูลย์” เคยบอกจะไปชวนพรรคเพื่อไทยร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนใคร เพราะมองขาดเจอเรื่องนี้เข้าไปอ่อนระทวยเหมือนขี้ผึ้งโดนไฟแน่ แค่ 2 พรรคใหญ่จับมือร่วมกับ ส.ว. การแก้ไขก็เป็นอันจบเรียบร้อย
พรรคอื่นจะว่าไงไม่สน เพราะส่วนใหญ่ไม่อยากแก้ ไม่ว่าภูมิใจไทย ก้าวไกล ชาติไทยพัฒนา แก้ไปใช้บัตร 2 ใบ บรรลัยเกิดแน่ มองผ่านๆอ่านเร็วๆคือ ส.ส.หายเยอะ โมเมนตัมจะไหลไปพรรคใหญ่ ส่วนพรรคเล็กสูญพันธุ์
ตอนนี้พลังประชารัฐที่เพิ่งเกิดใหม่ผ่านสนามเลือกตั้งครั้งเดียว ตั้งหลักตั้งลำได้มั่นคงแล้ว ผนวกกับกระสุนดินดำเต็มรังเพลิง มั่นใจถึงขั้นประกาศจะแก้รัฐธรรมนูญให้เสร็จภายในเดือน ก.ค.
เร่งจังหวะในขณะที่คนอื่นยังตั้งตัวไม่ติด พรรคตั้งใหม่ถึงกับอ้าปากค้าง เพราะเตรียมแผนไว้บนกติกาเดิม
ถ้าเลือกตั้งบัตร 2 ใบกันเร็วๆนี้ พลังประชารัฐลุ้นอันดับ 1 กับเพื่อไทยแบบไม่เป็นรองก็แล้วกัน
ถึงว่ากลิ่นยุบสภาโชยมาเตะจมูกเชียว!!!
ทีมข่าวการเมือง