จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งได้ลงคลิปขณะขับบนถนน 4 เลน แต่จู่ ๆ กลับเจอบ้านหลังหนึ่งตั้งขวางถนน จนถนนบีบเหลือ 2 เลน พร้อมระบุข้อความว่า “ถนนหรือบ้านมาก่อน นึกว่ามีแต่ที่จีน”
วันที่ 24 มิ.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านหลังดังกล่าง ตั้งอยู่ภายในซอยพัฒนาการ 32 โดยได้พูดคุยกับ นางสาววันดี นุวงศ์ อายุ 35 ปี เจ้าของบ้าน บอกว่า ตนและครอบครัวได้เดินทางมาจากจังหวัดยโสธร เมื่อปี 2540 เพื่อมาหางานทำที่กรุงเทพฯ โดยขณะนั้นพื้นที่ภายในซอยพัฒนาการ 32 เป็นป่ารถ มีคลอง ครอบครัวของตนจึงได้ถมที่แล้วสร้างบ้านอยู่อาศัย จากนั้นในปี 2545 ทางครอบครัวก็ได้ไปขอบ้านเลขที่และทะเบียนบ้าน พร้อมประกอบอาชีพขายผักและผลไม้
จนกระทั่งปี 2553 ได้มีนายทุนเข้ามาฟ้องขับไล่ชาวบ้านมากกว่า 100 หลังคาเรือน เพื่อทำการพัฒนาที่ดิน ซึ่งมีบ้านของตนกับชาวบ้านอีกประมาณ 6 หลัง ไม่ถูกศาลสั่งฟ้อง เนื่องจากมีทะเบียนบ้านถูกต้อง แต่ตนต้องทุบบ้านด้านซ้ายและขวาออกเล็กน้อย เนื่องจากหลังคาและตัวบ้านล้ำเข้าไปในเขตของนายทุน ซึ่งนายทุนจ่ายเงินให้ตน จำนวน 23,000 บาท ในการทุบบ้านด้านซ้ายและขวาออก
ต่อมาเมื่อปี 2563 ได้มีนายทุนรายใหม่เข้ามาพัฒนาถนนภายในซอยพัฒนาการ 32 ในตอนแรกถนนไม่ได้ติดหรือผ่ากลางบ้านของตน แต่เมื่อสร้างไปสร้างมา จู่ ๆ นายทุนก็ได้เปลี่ยนแผนการก่อสร้าง จนสุดท้ายจึงกลายเป็นอย่างที่เห็น ถนน 4 เลน ได้ตัดผ่าบ้านของตน แล้วลดเหลือ 2 เลน ตามที่เป็นข่าว
ทั้งนี้ ในปี 2563 ไม่มีใครมาเจรจากับครอบครัวของตนเกี่ยวกับการสร้างถนน ตนจึงปล่อยเลยตามเลย แล้วใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งชาวบ้านก็เตือนครอบครัวของตนว่าให้ระวังอุบัติเหตุ เพราะรถอาจจะเบี่ยงเลนไม่ทันแล้วพุ่งชนตัวบ้าน
โดยเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2565 ได้มีนายทุนอีกรายมาเจรจากับครอบครัวของตน และครอบครัวอื่นที่มีทะเบียนบ้านแล้ว ซึ่งมีการตกลงกันในการย้ายออก บ้านหลังอื่นย้ายออกไปแล้ว โดยครอบครัวของตนได้รับเงินค่ารื้อถอนบ้านจำนวน 3.1 ล้านบาท ที่ต่อรองลงมาจาก 6 ล้านบาท ตนยอมเพราะเหนื่อย แล้วบ้านเหลืออยู่หลังเดียว นัดหมายตกลงเซ็นสัญญากันในวันที่ 27 มิ.ย. นี้
โดยหลังจากที่ครอบครัวของตนย้ายออกไปแล้ว ครอบครัวของตนจะเดินทางกลับ จ.ยโสธร เพื่อไปประกอบอาชีพค้าขายต่อไป