จนถึงวันนี้ต้องถือว่า “ทหารแก่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชากัปตันเรือแป๊ะนายกรัฐมนตรี” กำลังเผชิญกับวิบากกรรมทางการเมืองอย่างเต็มที่ และน่าจะเป็นช่องโหว่ให้ฝ่ายตรงข้ามที่แอบอ้างประชาธิปไตย จัดกระบวนทัพตีกระหน่ำอย่างมีความหวัง
เริ่มต้นจาก “โทนี่หน้าเหลี่ยม” ที่ออกหน้าออกตาใน“แอปพลิเคชั่น-คลับเฮ้าส์” สลับการโฟนอินบ่อยครั้งโดยทิ้งปริศนากรรมไว้ให้ประดาติ่งบรรดาอัณฑะซ้ายขวาได้หยิบฉวยมาขยายความโจมตีรัฐบาลและกัปตันเรือแป๊ะอยู่เนืองนิจและค่อนข้างจะได้ผลในด้านจิตวิทยา
ล่าสุด “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้าที่เคยยืนคนละฟากแม่น้ำกับ “โทนี่” ก็หยิบฉวยโอกาส สร้างวาทกรรมทางการเมืองใหม่ จาก “เผด็จการทหาร…สืบทอดอำนาจ คสช. มาสู่ ระบอบประยุทธ์”
วันนี้ “ด็อกปิยบุตร”เดินหน้าจัดกิจกรรมรณรงค์ขอคนละชื่อรื้อ “ระบอบประยุทธ์” โดยมี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า กุนซือก๊วน 3 กีบ” และ “ช่อ-พรรณิการ์วานิช” ที่เกิดอาการไมเกรนกะทันหันจนต้องหลบหน้า “จำเลยคดีเมย์เดย์ อย่างบุญเกื้อ ปุสสเทโว” และ “นายแพทย์วรงค์เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี”
“ระบอบประยุทธ์” ของ “แก๊ง 3 ตะกร้า”เลวร้ายสามานย์กว่า “ระบอบทักษิณ” อย่างไร
ระบอบทักษิณเริ่มต้นเรืองอำนาจในปี 2544 ภายใต้ รัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 ที่ร่างขึ้นโดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญใช้อำนาจในการซื้อพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาอยู่ในอุ้งพรรคไทยรักไทยกลายเป็น “เผด็จการรัฐสภา” บริหารประเทศด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่นมากมาย อาทิ โครงการกองทุนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค โครงการแปลงสัญญาสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต โครงการบ้านเอื้ออาทร จนล่าสุด “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” อย่างโครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ด
แต่ผลงานรัฐบาลในระบอบประยุทธ์ตลอด 7 ปีที่ผ่านมานับแต่การรัฐประหารมากมายกว่ารัฐบาลพลเรือนของพรรคการเมืองบางพรรคที่เรืองอำนาจมากว่า 10 ปีใน “ระบอบทักษิณ”เสียอีก
อะไรบ้างลองมาพิจารณาคร่าวๆ ในยุคที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการและสืบทอดอำนาจเผด็จการนั้น ในกรุงเทพมหานครเกิดระบบขนส่งมวลชนที่แทบจะสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน เกิดแลนด์มาร์คใหม่ที่กระฉ่อนไปทั่วโลกคือ “คลองโอ่งอ่าง ที่อาจจะไม่เกินเลยไปหากจะบอกว่าสวยสมฉายา “เวนิสตะวันออก” ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ถูกละเลยจากรัฐบาลทุกยุคสมัยในเรื่องของ “ระบบสาธารณูปโภค” ซึ่งส่งผลให้ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเป็นพื้นที่แห้งแล้งและเกิดการอพยพของพลเมืองเข้าสู่เมืองศิวิไลซ์ต่างๆ ในพื้นที่อื่นๆ โดยเฉพาะการทุ่มงบประมาณกว่า 6.6 หมื่นล้าน เนรมิตรถไฟรางคู่“บ้านไผ่-นครพนม” ระยะทาง 355 กิโลเมตร ผ่าน “70 ตำบล 16 อำเภอ 6 จังหวัด คือ ขอนแก่น, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, มุกดาหาร และนครพนม” จำนวน 30 สถานี 1 ชุมทาง ลานบรรทุกตู้สินค้า 3 แห่ง และย่านกองตู้สินค้า 3 แห่ง มีการออกแบบถนนยกข้ามทางรถไฟ (Overpass) จำนวน 81 แห่ง มีถนนลอดใต้ทางรถไฟ (Underpass) จำนวน 245 แห่ง คาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการเต็มรูปแบบในเดือนมกราคม 2568 ด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง เกิดทางหลวงพิเศษหมายเลข 6“มอเตอร์เวย์สายอีสานบางปะอิน -หินกอง – นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร และจะมีช่วงต่อขยายจากนครราชสีมาไปยังขอนแก่น ระยะทาง 269 กิโลเมตร และจากขอนแก่นต่อไปยังหนองคาย ระยะทาง 160 กิโลเมตร ซึ่งตลอดโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 7 ปีข้างหน้า
เยี่ยงนี้ยังจะรื้อระบอบประยุทธ์ เพื่อรองรับ“โทนี่ทักษิณ”อีกเหรอ!?!?!