วันนี้ (19 มิ.ย. 64) เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.ท.ไพโรจน์ ลิลากุด สารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองยโสธร ได้รับแจ้งว่ามีเหตุลักทรัพย์เงินสด โดยเหตุเกิดที่ร้านเสริมสวย ชื่อ ร้านพรทิพา ตั้งอยู่ริมถนนอรุณประเสริฐ บ้านกิโลสาม ต.ตาดทอง อ.เมือง จ.ยโสธร จึงเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุตามที่ได้รับแจ้ง
เมื่อไปถึงก็ได้พบกับ น.ส.อรวรรณ วงศ์สุวรรณ อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย ยืนหน้าเศร้ารอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บริเวณหน้าร้านเสริมสวยที่เกิดเหตุ พร้อมกับพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปชี้จุดที่วางกระเป๋าเงินเอาไว้บริเวณม้านั่งภายในร้านเสริมสวยดังกล่าว ซึ่งมี น.ส.พรทิพา สมอ่อน อายุ 29 ปี เจ้าของร้านอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย
น.ส.อรวรรณ เปิดเผยว่า ตนกับเจ้าของร้านเป็นเพื่อนกัน และมักจะมาใช้บริการที่ร้านแห่งนี้เป็นประจำทุกวัน ก่อนเกิดเหตุมาทำสีผมที่ร้าน และได้วางกระเป๋าเงินเอาไว้ที่บริเวณม้านั่งไม้ใกล้ๆกับเก้าอี้ที่นั่งทำผม ซึ่งในกระเป๋ามีเงินอยู่ จำนวน 15,000 บาท และในระหว่างที่ตนทำสีผมอยู่นั้นได้เกิดเผลอหลับไป และทราบว่าในระหว่างที่ตนหลับเจ้าของร้านได้ออกไปทำธุระข้างนอก ปล่อยให้ตนหลับอยู่ในร้านเพียงลำพังคนเดียว
กระทั่งเจ้าของร้านกลับเข้ามาและได้ทำผมให้จนเสร็จ ซึ่งตนก็ตื่นขึ้นและจะจ่ายเงินค่าทำสีผม แต่พอจะหากระเป๋าเงินที่วางเอาไว้กลับไม่พบ พอสอบถามเจ้าของร้านก็อ้างว่าไม่เห็นเหมือนกัน แต่ตนเชื่อว่าเจ้าของร้านเป็นคนเอาไปอย่างแน่นอน เพราะไม่มีใครเข้ามาในร้านอีกเลย นอกจากตนกับเจ้าของร้านเพียง 2 คน เท่านั้น จึงได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ และทำการสอบสวนเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย
ด้าน น.ส.พรทิพา เจ้าของร้านเสริมสวย บอกว่า ตนกับผู้เสียหายเป็นเพื่อนกันคบกันมานานแล้ว และผู้เสียหายก็มักจะมาใช้บริการที่ร้านอยู่เป็นประจำ โดยก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้เข้ามาทำสีผมกับตน ระหว่างนั้นตนได้ออกไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ใช้เวลาประมาณ 5 นาที พอกลับเข้ามาก็พบว่าผู้เสียหายได้นอนหลับอยู่ที่เก้าอี้นั่งทำผม จึงได้ทำผมให้จนเสร็จ แต่พอที่ผู้เสียหายตื่นขึ้นและจะจ่ายเงินค่าทำผมก็บอกว่ากระเป๋าเงินหายไป และอ้างว่าในกระเป๋าเงินมีเงินสดอยู่ จำนวน 15,000 บาท ตนก็ตกใจเหมือนกันว่าเงินหายไปได้อย่างไร ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้เอาเงินของผู้เสียหายไปแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามทั้ง 2 คน แล้ว ยังไม่สามารถที่ตกลงกันได้ ต่างคนก็ต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นัดให้ทั้ง 2 คน เข้าไปสอบสวนให้ละเอียดอีกครั้ง และจะได้สอบถามพยานแวดล้อมใกล้เคียงที่เกิดเหตุ รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียงที่เกิดเหตุว่า นอกจาก 2 คน คู่กรณีนี้แล้ว ยังมีบุคคลอื่นเข้าไปร้านเสริมสวยแห่งนี้หรือไม่