ประเทศไทยของเรา ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนใกล้ไกล ก็มักจะพบกับวัฒนธรรมประเพณีอันสวยสดงดงามอยู่เสมอ และประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมานั้น ส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากตำนานความเชื่อความศรัทธา ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็อาจแตกต่างกันไปบ้าง ดังเช่นที่จังหวัดยโสธรดินแดนแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี มีตำนานเกี่ยวกับพญาแถน และพญาคันคาก เล่าสืบต่อกันมาดังต่อไปนี้
ตำนานพญาแถน และพญาคันคาก
เรื่องมีอยู่ว่า พญาคันคาก นั้นคือพระโพธิสัตว์จุติมาเป็นโอรสของกษัตริย์ สาเหตุที่ได้ชื่อว่าพญาคันคากนั้นเพราะว่า พระองค์มีผิวพรรณคล้ายคางคก ซึ่งในภาษาอีสานเรียกกันว่า คันคาก ถึงแม้พระองค์จะมีรูปร่างผิวพรรณที่อัปลักษณ์แต่ชาวบ้านก็มีความเลื่อมใสในตัวท่าน เนื่องจากพญาคันคากนั้นชอบช่วยเหลือผู้คน โดยมีพระอินทร์คอยช่วยเหลือท่านอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งยังมีกองทัพของเหล่าสรรพสัตว์ต่างๆ เช่น ปลวก มอด ตะขาบ แมงป่อง เป็นบริวาร
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ชาวบ้านยิ่งทวีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพญาคันคาก จนลืมที่จะบูชาพญาแถนผู้ซึ่งเป็นเจ้าแห่งฝน เรื่องนี้ทำให้พญาแถนรู้สึกโกรธ จึงแกล้งไม่ให้ฝนตกลงมายังโลกมนุษย์เป็นเวลานานถึง 7 เดือน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนไม่มีน้ำกินน้ำใช้เกิดความยากลำบาก ชาวบ้านจึงไปขอให้พญาคันคากช่วย
พญาคันคากจึงรวบรวมกองทัพ โดยใช้ให้กองทัพปลวกก่อตัวขึ้นไปจนถึงเมืองพญาแถน แล้วให้มอดไปกัดกินอาวุธของฝ่ายพญาแถน ส่วนทัพแมงป่อง ตะขาบ ให้ซ่อนตัวอยู่ตามเสื้อผ้าของเหล่าทหารพญาแถนรอเวลากัดต่อย ส่วนกองทัพคางคกทำหน้าที่สู้รบ เมื่อถึงเวลาสงครามระหว่างพญาแถนและพญาคันคากจึงบังเกิดขึ้น แผนการสู้รบที่พญาคันคากได้วางไว้นั้นประสบผลสำเร็จ ทำให้พญาแถนยอมแพ้ และยอมดลบันดาลให้ฝนตกลงมายังโลกมนุษย์เฉกเช่นเดิม โดยมีข้อแม้อยู่ 3 ข้อ ว่า
1.ถ้าเหล่ามวลมนุษย์จุดบั้งไฟขึ้นมายังท้องฟ้า นั่นแสดงว่าถึงเวลาฝนแล้งแล้ว ให้พญาแถนจงปล่อยฝนตกลงมาเพื่อให้เกิดความฉ่ำเย็น เป็นผลดีต่อมวลมนุษย์และการเกษตรกรรม
2.ถ้าพญาแถนได้ยินเสียงกบเขียดร้อง นั่นแสดงว่าฝนได้ตกลงมาถึงโลกมนุษย์แล้ว
3.ถ้าพญาแถนได้ยินเสียงธนูหวายของว่าว หรือ เสียงโหวด ให้ท่านจงหยุดฝนที่ตกลงมา เพราะนั่นคือเสียงที่บ่งบอกว่าถึงวันเวลาแห่งฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว
เมื่อพญาแถนและพญาคันคากได้ทำข้อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย จึงได้ปล่อยตัวพญาแถนไป จากตำนานดังกล่าวนี้ เป็นที่มาของประเพณีบุญบั้งไฟจังหวัดยโสธร อันโด่งดังเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก
ปัจจุบันทางจังหวัดยโสธรได้เห็นถึงความสำคัญของตำนานพื้นบ้าน และเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาต่อพญาแถน และ พญาคันคาก เป็นการเชิดชูไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของท้องถิ่น จึงได้สร้างสถานที่เรียกว่า วิมานพญาแถน เป็นอนุสรณ์แห่งความศรัทธา ทั้งยังมีอาคารรูปทรงคางคกสูง 19 เมตร ประกอบด้วย 5 ชั้น เป็นนิทรรศการให้ความรู้แก่ผู้มาเยือน โดยแบ่งเป็นชั้นดังนี้
ชั้นที่ 1 จัดแสดงความเป็นมาของเมืองยโสธร
ชั้นที่ 2 จัดแสดงตำนานพญาแถนและพญาคันคาก
ชั้นที่ 3 จัดแสดงตำนานของประเพณีบุญบั้งไฟ
ชั้นที่ 4 จัดแสดงเอกลักษณ์ของเมืองยโสธร
ชั้นที่ 5 ใช้เป็นจุดชมวิวได้กว้างไกล
นอกจากวิมานพญาแถน จะเป็นสถานที่ให้ความรู้แล้ว ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแก่ผู้มาเยือนได้อย่างดี ในบริเวณตัวเมืองยโยธรยังมีจุดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปถ่ายภาพกับอาคารเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกิสที่มีอายุนับร้อยปี นั่นคือบริเวณชุมชนโบราณบ้านสิงห์ท่า นับเป็นสถานที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง ที่คุณไม่ควรพลาดการเดินทางไปเที่ยวชม
แนะนำที่พัก
โรงแรมเดอะ เซน โฮเต็ล ยโสธร
โทร. 045711455