เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ในอดีตพื้นที่ทั้ง 7 หมู่บ้าน ในตำบลค้อเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ต่างประสบปัญหาน้ำท่วมเอ่อล้น ประสบปัญหาอุทกภัยซ้ำซาก ไม่สามารถทำนาอันเป็นอาชีพหลักของหมู่บ้านได้ ทำให้ราษฎรเดือดร้อนบางคนต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดเพื่อไปประกอบอาชีพอื่นมาทดแทนอาชีพการเกษตรอันเป็นอาชีพหลัก ครอบครัวแตกแยกลูกไปทางหลานไปทาง
นายสมศักดิ์ ทวินันท์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ประจำโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร เปิดเผยว่า ในอดีตพื้นที่ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ราษฎร 7 หมู่บ้านจะประสบปัญหาอุทกภัยซ้ำซาก เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณสบแม่น้ำ คือแม่น้ำชีและลำน้ำยัง ทำให้น้ำท่วมเอ่อล้นพื้นที่ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมของทุกปี ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเนื่องจากไม่สามารถทำนาปีได้ ขณะที่นาปรังน้ำไม่เพียงพอ
แต่หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ในปี 2543 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระองค์ทรงมีแนวพระราชดำริให้มีการปรับปรุงพื้นที่ และฟื้นฟูสภาพป่า พร้อมส่งเสริมอาชีพให้แก่ราษฎรในพื้นที่ จากนั้นจึงเกิดโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร ขึ้น
มีการพัฒนาพื้นที่สาธารณะบริเวณหนองอึ่ง สำหรับทำการเกษตร และการขยายพันธุ์สัตว์น้ำ พร้อมฟื้นฟู
ป่าบริเวณโดยรอบหนองอึ่งและมีการอนุรักษ์คุ้มครองดูแล เพื่อให้ป่าสมบูรณ์ สามารถเป็นแหล่งพึ่งพิงให้แก่ราษฎรในการทำกินเก็บหาของป่ามาบริโภค เช่น เห็ดชนิดต่างๆ ตลอดถึงไข่มดแดงอาหารโปรดของราษฎรในพื้นที่ เป็นการลดรายจ่ายสร้างรายได้ให้กับประชาชน
“มีการส่งเสริมอาชีพต่างๆ ทำให้ชุมชนมีระบบเศรษฐกิจที่ดีขึ้น สภาพสังคมดี มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวความคิดกันระหว่างราษฎร และเจ้าหน้าที่ส่วนงานภาครัฐที่เข้ามาส่งเสริมและสนับสนุนโครงการฯ ในด้านต่างๆ ทำให้เกิดความเข้มแข็ง รักในถิ่นฐานตัวเองและเกิดการพัฒนาทั้งเศรษฐกิจและสังคมไปข้างหน้าได้อย่างชัดเจน” นายสมศักดิ์ ทวินันท์ กล่าว
นายสมศักดิ์ฯ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ประกอบด้วย 3 ข้อด้วยกัน คือ 1.การพัฒนาขุดลอกหนองอึ่ง 430 ไร่ ทำเป็นแหล่งน้ำทำการเกษตร ทำเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา 2.ให้มีการปลูกต้นไม้และปลูกหญ้าแฝก โดยรอบหนองอึ่ง เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดินลงหนองอึ่ง 3.การดำเนินโครงการให้เป็นการฟื้นฟูสภาพป่าโดยรอบหนองอึ่ง เพื่อให้คนอยู่กับป่าได้อย่างเกื้อกูลกัน
สำหรับพื้นที่ป่า โดยรอบของอ่างเก็บน้ำหนองอึ่งนั้น มีชื่อเรียกว่า ป่าดงมัน ซึ่งตั้งแต่มีการจัดตั้งให้เป็นป่าชุมชนดงมันมีการบริหารจัดการในการใช้ประโยชน์ของชุมชนโดยคณะกรรมการป่าชุมชนดงมัน ได้มีระเบียบกฎกติกา การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ เป็นป่าชุมชนตามระเบียบของกรมป่าไม้เมื่อปี 2546 กติกาของชุมชนจะไม่มีการตัดไม้ทำลายป่าและตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา ทำให้ป่าสมบูรณ์ขึ้น ในส่วนที่เสื่อมโทรมได้ร่วมกันฟื้นฟู มีการปลูกป่า ด้วยพันธุ์ไม้วงยาง พันธุ์ไม้ท้องถิ่นในพื้นที่เกือบ 1,000 ไร่ ปัจจุบันป่าฟื้นฟูความสมบูรณ์ประมาณ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ทำให้มีของป่าปริมาณมากขึ้น อย่างชัดเจน ชาวบ้านเข้าเก็บหาของป่า แมลงขนาดเล็กที่นิยมบริโภค ปัจจุบันมีปริมาณมากจนสามารถนำมาจำหน่ายและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนส่งจำหน่ายในตลาด ทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย
“ปีหนึ่งๆ ราษฎรได้เข้ามาหาเห็ดได้ 5 – 6 ตัน มูลค่า 3 – 4 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่เข้ามาหมุนเวียนในชุมชน เนื่องจากมีการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งสหกรณ์ เพื่อบริหารจัดการผลผลิตการแปรรูปมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์เป็นของชุมชนชื่อว่า วนาทิพย์ ประกอบด้วยเห็ดโคนในน้ำเกลือ ไข่มดแดงในน้ำเกลือ เห็ดเผาะในน้ำเกลือ แม่เป้งในน้ำเกลือ ทุกผลิตภัณฑ์มีมาตรฐาน อย. ทำให้มูลค่าจากผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อย่างเห็ดโคนจาก 150 ต่อกิโลกรัมก็เพิ่มขึ้นเป็น 300 – 350 บาท และเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 3 – 4 บาทต่อกิโลกรัม นับเป็นรายได้ที่ถึงมือชาวบ้านโดยตรง ทำให้เกิดความหวงแหนในพื้นที่ป่า ต่างช่วยกันดูแล และอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ด้วยเป็นแหล่งรายได้ของชาวบ้านในชุมชนทุกคน โดยมีสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) และจังหวัด พิจารณาสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ” นายสมศักดิ์ ทวินันท์ กล่าว
จากความสำเร็จในการน้อมนำพระราชดำริมาดำเนินการของโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่ง
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร ยังผลให้เกิดความตื่นตัวในการอนุรักษ์พื้นที่ป่าโดยรอบของป่าดงมันจากราษฎร 7 หมู่บ้านมีความเข้มแข็ง สามารถรณรงค์ขอคืนพื้นที่ที่ชาวบ้านยึดครองเพื่อใช้ทำกินก่อนหน้านี้ และกลายเป็นป่าเสื่อมโทรมคืนมาเพื่อบริหารจัดการและฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพเดิมกว่า 1,000 ไร่ และจะมีการกำหนดใช้กติกาชุมชนในการเข้าใช้ประโยชน์จากราษฎรเช่นเดียวกับพื้นที่ป่าดงมันทุกประการ
นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาเยี่ยมในพื้นที่เมื่อปี 2543 จนถึงวันนี้ 20 กว่าปีที่โครงการได้มีการพัฒนาต่อยอดอย่างต่อเนื่อง และได้น้อมนำพระราชดำริในการสืบสาน รักษา และต่อยอด งานในโครงการฯ โดยคณะทำงานได้มีการขยายผลการดำเนินงานในยังอำเภอต่างๆ ของจังหวัดยโสธร และพัฒนาขบวนการสหกรณ์หนองอึ่ง ให้มีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายชุมชนต่างๆ มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นผู้นำชุมชน และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่จังหวัดยโสธรเพื่อขับเคลื่อนขยายผลโครงการฯ ในลักษณะยโสธรเป็นโมเดลขับเคลื่อนต่อไป